
FAQ
คำถามเกี่ยวกับสินค้า
เอนไซม์ KLN
เอนไซม์ดีจริงไหม? ปลอดภัยหรือเปล่า?
เอนไซม์ Key of Food ถูกสกัดโดยเทคโนโลยีสูงสุดของโลก Membrane Separation Technology ซึ่งเหนือกว่านาโนหนึ่งขั้นทำให้ได้เอนไซม์บริสุทธิ์ไร้สิ่งปนเปื้อน ระดับความปลอดภัยมีทั้ง ISO, GMP, GAP, และ GQP และได้รับรางวัลคุณภาพระดับองค์กรจากสภาอุตสาหกรรมการแพทย์เครดิต “AAA” ถึง 4 ปีซ้อนติดต่อกัน ได้รับรางวัลการผลิตคุณภาพสูงมาแล้ว 7 ปีซ้อน
เอนไซม์ผลิตจากอะไร?
เอนไซม์คีย์ ออฟ ฟู้ดนั้นสกัดเอาเอนไซม์บริสุทธิ์จากพืช เช่นสับปะรด มะละกอ เป็นต้น
ทำไมต้องกินเอนไซม์?
ตับอ่อนมีหน้าที่สร้างเอนไซม์เพื่อทำการย่อยอาหาร เมื่ออายุมากขึ้นประสิทธิภาพการผลิตเอนไซม์จึงลดลง แต่ร่างกายยังคงต้องทำการย่อยในทุกครั้งที่กินอาหาร จึงจำเป็นที่จะต้องทานเอนไซม์เสริมทดแทน ทั้งยังมีเอนไซม์ที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายตามส่วนต่างๆ ตามแต่หน้าที่ของเอนไซม์ซึ่งมีถึง 520 ชนิดในเอนไซม์คีย์ ออฟ ฟู้ด นอกจากนี้ยังช่วยขจัดและย่อยของเสียออกจากร่างกายด้วย
ทดสอบอย่างไรว่าเอนไซม์มีคุณภาพหรือไม่?
- นำแป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำเล็กน้อยแล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นนำไปตั้งไฟกวนให้เหนียว เมื่อเหนียวมากแล้วนำยกออกจากไฟและทิ้งให้เย็น วิธีการทดสอบนั้นให้ตักเอนไซม์ 1 ช้อนโต๊ะคนผสมลงในแป้งมัน หากมีเอนไซม์ย่อยแป้งเช่นอะไมเลส (Amylase) แป้งมันกวนจะถูกย่อยให้นุ่มขึ้นและเหลวลง หากพลังเอนไซม์สูงแป้งมันกวนจะถูกย่อยจนเหลวเหมือนน้ำในที่สุด
- นำแก้วใส 2 ใบมาแยกใส่น้ำเปล่าค่อนแก้วและอีกใบใส่น้ำมันพืชหรือน้ำมันที่ผ่านการใช้งานมาแล้วให้สูงจากก้นแก้วราว 1 ซม. ใส่เอนไซม์ 1 ช้อนชาลงในแก้วที่มีน้ำมันแล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นเทลงในแก้วที่ใส่น้ำ หากมีไขมันถูกย่อยตกลงสู่ก้นแก้วหมายความว่ามีเอนไซม์ย่อยไขมัน
เอนไซม์น้ำ ผง หรือเม็ด แบบไหนดีที่สุด?
เอนไซม์ที่ดีที่สุดคือเอนไซม์ผง ในการใช้บำบัดนั้นควรมีปริมาณ 5 กรัมต่อซอง ควรกินก่อนอาหาร 2 ซองต่อมื้อ 3 เวลาติดต่อกันเป็นเวลา 5 วันเพื่อทำการขับของเสียออกจากร่างกาย
เอนไซม์เม็ดนั้นอาจมีปริมาณเอนไซม์ไม่เพียงพอต่อการบำบัดร่างกาย เนื่องจาก:
- การอัดเม็ดต้องผ่านกรรมวิธีหลายขั้นตอน และความร้อนอาจทำให้เอนไซม์ตาย
- ต้นทุนสูงขึ้นจากขั้นตอนที่มากขึ้น
- จำนวนเม็ดและปริมาณต่อเม็ดที่กินต่อครั้งอาจไม่สมดุลและเพียงพอต่อการบำบัด
เอนไซม์น้ำอาจมีเชื้อซึ่งเป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย อาจมีเชื้อราปนเปื้อน และอาจมีชนิดของเอนไซม์จำกัดซึ่งเอนไซม์ 1 ตัวจะทำหน้าที่แค่ 1 อย่าง
ดังนั้นเอนไซม์ผงจึงเหมาะที่สุดในการบำบัดร่างกาย ทั้งในเชิงของปริมาณ คุณภาพ และการรวมเอนไซม์หลากหลายชนิดให้อยู่รวมกันโดยไม่ทำการย่อยกันเอง
เอนไซม์ชงอย่างไร?
ฉีกซองเอนไซม์เทลงในน้ำอุ่น หรือน้ำอุณหภูมิห้องปริมาณหนึ่งถ้วยกาแฟ หลีกเลี่ยงน้ำเย็น หรือร้อนจัด เพราะเอนไซม์จะตายได้ จากนั้นคนให้เข้ากัน
เอนไซม์ต่างจากอาหารเสริมอย่างไร?
อาหารเสริมนั้นถูกดูดซึมได้ตามสภาพร่างกายของแต่ล่ะคน และอวัยวะภายในร่างกายคนเรานั้นก็เสื่อมไปตามอายุที่มากขึ้นจึงทำให้ถูกนำไปใช้ได้น้อยลง แต่เอนไซม์นั้นเข้าไปช่วยการดูดซึมซึ่งเป็นการแก้ที่ต้นตอ และยังมีเอนไซม์ที่ทำหน้าที่อื่นๆ เช่น:
- เอนไซม์ย่อยเซลล์ที่ตาย เซลล์ที่ผิดปกติ สารพิษ อนุมูลอิสระที่อยู่ในร่างกายออกมาทางเหงื่อ ปัสสาวะ และอุจจาระ
- เอนไซม์ช่วยลดการอักเสบไม่ว่าจะเป็นอวัยวะภายในหรือแผลภายนอก
- เอนไซม์สร้างเซลล์ใหม่ให้กับอวัยวะภายใน
ดังนั้นการทานเอนไซม์เป็นการซ่อมแซมอวัยวะภายในอย่างแท้จริงให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนในวัยเยาว์อีกครั้ง ผู้มีปัญหาสุขภาพต่างกันจึงสามารถทานเอนไซม์ได้เห็นผลด้วยเอนไซม์ 520 ชนิดซึ่งทำหน้าที่คนล่ะอย่าง
โรคเบาหวาน ความดัน หัวใจ หัวใจขาดเลือด เส้นเลือดในสมองตีบ เอนไซม์ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างไร?
ต้นตอนั้นมาจากตับอ่อนซึ่งทำหน้าที่ผลิตอินซูลินเพื่อรักษาระดับน้ำตาลในร่างกายให้สมดุล และนอกจากนี้ยังทำหน้าที่ผลิตเอนไซม์ซึ่งทำหน้าที่ย่อยแป้ง โปรตีน ไขมัน ให้ร่างกายได้รับสารอาหารไปหล่อเลี้ยงร่างกาย เมื่อตับอ่อนผลิตเอนไซม์ได้น้อยลง ร่างกายก็ได้รับสารอาหารน้อยลงเช่นกันเป็นเหตุให้อวัยวะในร่างกายเสื่อมลงเรื่อยๆ ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคแห่งความเสื่อม เช่นเบาหวาน ความดัน หัวใจ หัวใจขาดเลือด เส้นเลือดในสมองตีบ ปวดขา ปวดหลัง ไมเกรน ฯลฯ
อย่างเช่นโรคเบาหวานที่เป็นโรคแห่งความเสื่อมซึ่งเกิดจากตับอ่อนไม่ปกติ ยาเบาหวานนั้นจะออกฤทธิ์กระตุ้นตับอ่อนให้ผลิตอินซูลิน แต่ผลนั้นขึ้นกับระดับความเสื่อมของตับ ยิ่งเสื่อมมากก็จะยิ่งกระตุ้นได้ยาก การที่ตับอ่อนผลิตเอนไซม์ได้น้อยลงก็ทำให้เกิดปัญหาอื่นตามมา เช่นย่อยไขมันได้น้อยลงทำให้ไขมันในร่างกายเพิ่มมากขึ้น และหัวใจทำงานหนักขึ้นเกิดเป็นโรคเบาหวาน ความดัน
เอนไซม์จะทำการย่อยเซลล์ที่ตาย ไขมันที่มาเกาะ และสร้างเซลล์ใหม่ให้ตับอ่อนฟื้นฟูให้กลับมาทำหน้าที่ได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิมซึ่งเป็นการซ่อมแซมอวัยวะโดยตรง อีกทั้งการกินเอนไซม์เสริมยังช่วยให้ตับอ่อนได้พักเนื่องจากไม่จำเป็นต้องผลิตเอนไซม์มาก
ผู้ป่วยเบาหวานที่มีอาการเหนื่อย ง่วงนอนช่วงบ่าย หรือนอนไม่หลับจะอาการดีขึ้นภายใน 5 วัน ร่างกายจะรู้สึกสดชื่นขึ้น หายง่วงในช่วงบ่าย หน้าตาแจ่มใส มีแรง นอนหลับ หากกินติดต่อกัน 3 เดือนร่างกายจะฟื้นฟูทั้งร่าง และแข็งแรงขึ้น ควรกินต่อเนื่องเพื่อให้หายจากอาการป่วยเสียก่อนแม้เริ่มมีแนวโน้มว่าอาการดีขึ้น
ทำไมกินเอนไซม์แล้วรู้สึกเหมือนอาการหนักขึ้น?
เพราะเอนไซม์กำลังย่อยและขับสารพิษออกจากร่างกายด้วยวิธีธรรมชาติโดยการย่อยโปรตีนที่หุ้มเซลล์ที่ผิดปกติ แบคทีเรีย หรือไวรัส หลังจากนั้นเม็ดเลือดขาวก็จะสามารถเข้าโจมตีสิ่งแปลกปลอมและขับออกจากร่างกาย ซึ่งในกระบวนการนี้จะแสดงอาการแต่งต่างกันไปในแต่ล่ะบุคคลรวมถึงอาการป่วยในขณะนั้น เช่นอาการปวดที่มากขึ้นชั่วคราว การมีผื่นเห่อตามตัว กลิ่นกาย ปัสสาวะ อุจจาระที่แรง อาการปวดแสบแผล ฯลฯ
อาการหลังทานเอนไซม์มีอะไรบ้าง?
ใน 1-3 แรกจะมีอาการรู้สึกโล่งหรือเริ่มมึน ง่วง ปวดหัว ทั้งนี้อาการอาจต่างกันไปตามแต่ปัญหาสุขภาพของแต่ล่ะคนเนื่องจากเอนไซม์กำลังย่อยของเสียภายใน เช่นไขมันส่วนเกินในหลอดเลือดที่ถูกย่อยขับออกมารวมกับเลือดที่หมุนเวียนอยู่จึงทำให้เกิดอาการหลังทานเอนไซม์ชั่วคราว เมื่อได้รับเอนไซม์ต่อเนื่องของเสียเหล่านั้นจะถูกย่อยและขับออกจากร่างกาย ดังนั้นจึงแนะนำให้ทานอย่างต่อเนื่องในระยะแรก
ระยะวันที่ 4-5 ร่างกายจะรู้สึกโล่ง หลับลึกและตัวเบา
จำเป็นหรือไม่ที่ต้องกินเอนไซม์เป็นประจำ?
หากมีงบจำกัดสามารถทานเบื้องต้น 5 วัน เนื่องจากจะสามารถสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงในแนวโน้มที่ดีขึ้นในเวลานี้ และค่อยทานตามความพร้อม
หากไม่มีข้อจำกัดด้านงบแนะนำให้ทานต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน จากนั้นสามารถทานตามเห็นเหมาะสม ภายใน 1 เดือนนี้จะสังเกตได้ว่าร่างกายดีขึ้นมากแล้ว
สามารถกินเอนไซม์ควบคู่ยาที่แพทย์สั่งหรือไม่?
การกินเอนไซม์คู่ยาที่แพทย์สั่งไม่เป็นการลดสรรพคุณของยาแต่อย่างใด แล้วยังสามารถช่วยลดภาระของตับไตที่ทำหน้าที่ขับสารพิษอีกด้วย
กินเอนไซม์อย่างไรให้ได้ผล?
- ทานพร้อมอาหาร เอนไซม์จะทำหน้าท่ีย่อยอาหาร
- ทานก่อนอาหาร เอนไซม์จะทำหน้าที่ซ่อมแซมและสร้างอวัยวะภายใน หากมีปัญหาสุขภาพควรทานก่อนอาหาร หากลืมสามารถทานตอนท้องว่างได้แทน
ข้อควรปฏิบัติของการกินเอนไซม์คืออะไร?
สำหรับผู้มีปัญหาสุขภาพ หรือผู้ที่ทานเป็นครั้งแรกควรเริ่มจากการทาน 2 ซองต่อมื้อ 3-4 เวลาก่อนอาหาร ชงด้วยน้ำอุ่น หรืออุณหภูมิห้อง ครึ่งถ้วยกาแฟ ควรเลี่ยงการชงด้วยน้ำร้อน หรือเย็นจัด เพราะเอนไซม์จะตายได้
เอนไซม์ใช้ทำอะไรได้อีก?
- สามารถใช้ทาแผลได้โดยการผสมน้ำเล็กน้อยให้ข้น ทาบนแผลที่ล้างสะอาดแล้ว และรอให้แห้ง นอกจากแผลจะหายเร็วแล้วยังช่วยลดการเกิดแผลเป็นด้วย กรณีแผลเบาหวาน แผลเก่า แผลสด หรือแผลกดทับที่ลึก ควรใช้เบตาดีนฟอกแผล และล้างด้วยนอร์มัลซาไลน์ (น้ำเกลือความเข้มข้น 0.9%) ก่อนพอกด้วยเอนไซม์ ระยะ 1-2 วันแรกแผลอาจดูเหมือนแย่กว่าเดิมซึ่งเป็นปกติในขั้นตอนย่อยเซลล์ที่ตายออกของเอนไซม์ หลังจากนั้นแผลจึงค่อยๆ แห้ง และมึการสร้างเนื้อใหม่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน
- สามารถใช้มาร์กหน้า และรักษาอาการเป็นสิวโดยการผสมน้ำเล็กน้อยให้ข้นแล้งทาลงให้ทั่วใบหน้า หรือบริเวณที่มีปัญหาผิว ช่วยลดอาการสิวอักเสบ และรอยดำจากสิวได้ สามารถล้างออกหลังแห้ง หรือพอกทิ้งไว้ได้
- สามารถอมรักษาแผลในปาก หรือร้อนในได้
สัตว์เลี้ยงสามารถกินได้ไหม?
เอนไซม์ Key of Food นั้นถูกสกัดจากธรรมชาติ 100% ดังนั้นจึงไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง สามารถใช้กิน และทารักษาโรคได้
เอนไซม์เก็บรักษาอย่างไร?
ควรเก็บในที่ร่มห่างแสงแดด หากบริโภคไม่หมดเมื่อเปิดซองควรปิดถุงให้สนิท และบริโภคให้เร็วที่สุด
เจนเนอร์เอสดีท็อกซ์ (Gener S Detox)
ดีท็อกซ์ช่วยระบายได้อย่างไร?
เจนเนอร์เอสมีส่วนผสมของสารสกัดจากผลไม้ และสมุนไพรไทย 18 ชนิด ซึ่งมีสรรพคุณช่วยระบบขับถ่าย ขจัดสารพิษ สมานลำไส้ ลดอาการท้องอืด และเพิ่ม probiotic ให้แก่แบคทีเรียดีในลำไส้ หลังดื่มควรกินน้ำตาม 1-2 แก้ว
เจนเนอร์เอสมีส่วนผสมของยาถ่ายหรือไม่?
ไม่มีส่วนผสมของยาถ่ายแต่อย่างใด ส่วนประกอบทั้งหมดล้วนเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ
เจนเนอร์เอสช่วยลดน้ำหนักได้หรือไม่?
ได้ ด้วยสารสกัดจากชาเขียวจึงช่วยลดน้ำหนักอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังมีสารสกัดส้มแขกคอยช่วยยับยั้งการสะสมของไขมันส่วนเกินของร่างกาย และลดความอยากอาหารด้วยสารสกัดกระบองเพชร นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากหม่อน ทับทิม โรสฮิป อะเซโรร่า เชอร์รี่ และผงกีวีช่วยเสริมผิวให้กระจ่างใส เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคอลลาเจนในร่างกาย และต่อต้านอนุมูลอิสระ
ข้อควรปฏิบัติเมื่อกินดีท็อกซ์คืออะไร?
ชงในน้ำอุณหภูมิปกติหรือน้ำเย็นก่อนนอน วันละ 1 ซอง และควรกินน้ำตาม 1-2 แก้วเพื่อป้องกันภาวะอุดตันของลำไส้ที่อาจเกิดจากการบริโภคผลิตภัณฑ์ใยอาหารชนิดแห้ง
กาแฟมัลเบอร์รี่ (Mulberry Coffee)
กาแฟมัลเบอร์รี่ลดน้ำหนักได้จริงไหม?
กาแฟของเราประกอบด้วยเส้นใยคุณภาพจึงทำให้ลดความอยากอาหารได้ถึง 40-60% และสามารถลดการดูดซึมของไขมัน นอกจากนี้ยังใช้ซูคราโลสแทนน้ำตาลอีกด้วย ทำให้ดื่มได้โดยไม่รู้สึกผิด
กาแฟมัลเบอร์รี่รสชาติเป็นอย่างไร?
กาแฟของเราเป็นกาแฟโรบาสต้าสูตรกาแฟไทย รสชาติกลมกล่อม หอมกรุ่น นุ่มลึก ดื่มง่ายแม้ไม่ใช่คอกาแฟ
กาแฟชีฟ (Chief Coffee)
กาแฟชีฟเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศได้อย่างไร?
กาแฟชีฟมีส่วนผสมของกระชายดำ และมาคาช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศด้ายธรรมชาติ และยังมีฤทธิ์บำรุงธาตุ ลดความอ่อนเพลีย และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด นอกจากนี้ยังเป็นสูตรไร้น้ำตาลอีกด้วย
คำถามเกี่ยวกับการสั่งซื้อ
ช่องทางการสั่งซื้อมีอะไรบ้าง?
ทาง Line Facebook Tiktok หรือสามารถโทรสั่งได้ที่เบอร์ 081-295-6159
คำถามเกี่ยวกับการจัดส่ง
ระยะเวลาจัดส่งนานแค่ไหน?
โดยปกติจะได้รับสินค้าภายใน 3-5 วัน หากยังไม่ได้รับ กรุณาติดต่อทางบริษัท
จะติดตามการจัดส่งได้ที่ไหน?
ข้อมูลการจัดส่งและเลขพัสดุนั้นสามารถตรวจสอบได้ทางไลน์
สามารถขอคืนสินค้าได้ไหม?
หากพบว่าสินค้าชำรุด สามารถติดต่อขอรับสินค้าใหม่ได้พร้อมแนบหลักฐานเปิดพัสดุเป็นวิดีโอ หรือรูปภาพ